ผิวอักเสบ


 ผิวอักเสบที่พบบ่อยบริเวณใบหน้า

 

ผื่นรังแคบนผิวหน้า (Seborrheic Dermatitis)

 
ผิวหนังอักเสบชนิดนี้พบได้บ่อย มีลักษณะเป็นผื่นแดงมีขุยลอกคล้ายรังแค มักเกิดบริเวณหัวคิ้ว ข้างจมูก ซอกจมูก ไรผม และอาจพบร่วมกับผื่นรังแคที่หนังศีรษะ
 
 
บริเวณที่ผิวอักเสบพบว่ามีการแบ่งตัวเร็วกว่าปกติ และไวต่อการรบกวนต่างๆ จึงเกิดการอักเสบและมีขุยเกิดขึ้น แต่สาเหตุที่ทำให้เซลล์แบ่งตัวเร็วนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด มีข้อสันนิษฐานว่าอาจเกิดจากยีสต์ที่อยู่บนผิวชื่อ P. ovale ซึ่งมีการเจริญมากกว่าปกติ และอาจปล่อยสารที่รบกวนผิวทำให้อักเสบได้ง่าย นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ที่เป็นโรคนี้อาจขาดกรดไขมันชนิดหนึ่ง คือ Linoleic acid ซึ่งทำให้เซลล์ผิวหนังไม่แข็งแรง
 
โรคนี้เกิดขึ้นได้เองไม่ใช่โรคติดต่อ ถึงแม้จะไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่ก็เป็นเรื่องน่ารำคาญใจอยู่ไม่น้อย เนื่องจากมักจะเป็นๆหายๆ ปัจจัยที่ทำให้โรคนี้กำเริบหรือเป็นมากขึ้น ได้แก่ แสงแดด ความร้อน ความแห้งจากการเปลี่ยนแปลงของอากาศ และที่พบบ่อยคือ สารระคายเคืองผิว เช่น สบู่ โฟมล้างหน้า Toner การล้างหน้าบ่อยๆ หรือการใช้น้ำอุ่นล้างหน้า ดังนั้นผู้มีผิวอักเสบชนิดนี้ควรหลีกเลี่ยงสิ่งต่างๆเหล่านี้ นอกจากนี้ยังพบว่าความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ อาจกระตุ้นให้ผื่นกำเริบได้ง่ายอีกด้วย
 

การรักษาและป้องกัน

1. ในระยะที่มีผื่นเห่อแดงเป็นขุย แพทย์จะใช้ตัวยาลดการอักเสบ แต่ยากลุ่มนี้ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง และอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น ไม่ควรซื้อยาใช้เองเพราะอาจเกิดผลข้างเคียงและอาจเกิดการติดยา (Steroid Addict)
2. ใช้ยาที่ช่วยควบคุมและลดการเจริญของยีสต์ โดยการพิจารณาของแพทย์
3. ใช้ยาเพื่อลดการแบ่งตัวของเซลล์ผิว เพื่อควบคุมและป้องกันการเกิดผื่นต่อไปอีกระยะหนึ่ง
4. ถ้ามีอาการคันอาจใช้ยาลดอาการคัน (Antihistamine) ร่วมด้วย
5. หลีกเลี่ยงสิ่งรบกวนจากภายนอก และสารระคายเคืองต่างๆ
6. ทาครีมกันแดดและครีมบำรุงผิวเป็นประจำเพื่อเป็นเสมือนเกราะป้องกันผิวจากสิ่งรบกวนต่างๆ
7. ในบางรายอาจใช้วิตะมินเสริมบางชนิด เช่น Linoleic acid เพื่อเสริมความแข็งแรงของผิวหนัง
 
เกลื้อนน้ำนม (Pityriasis Alba)
 
มีลักษณะเป็นขุยแห้งสีขาวขอบเขตไม่ชัด บางครั้งเป็นสาเหตุให้สีผิวดูไม่เท่ากัน ถ้าอักเสบมากอาจเห็นเป็นผื่นสีชมพู พบบ่อยบริเวณแก้ม ในบางรายอาจกระจายไปที่ลำตัว แขนขาก็ได้ จะเห็นได้ชัดในคนผิวคล้ำ หรือหลังตากแดด
 
          
 
    
 
โรคนี้เป็นผิวอักเสบชนิดหนึ่ง ไม่ได้เกิดจากเชื้อราแต่มีลักษณะเป็นขุยสีขาวคล้ายเกลื้อน ทำให้มีผู้เข้าใจผิดเกิดความรังเกียจ แท้ที่จริงแล้วโรคนี้ไม่ใช่โรคติดต่อ สาเหตุของโรคนี้ยังไม่ทราบแน่ชัด เชื่อว่าเกิดจากผิวบริเวณนั้นแห้งมากกว่าปกติและเกิดขุยสีขาวขึ้น และเมื่อไปตากแดดจะทำให้ผิวบริเวณอื่นคล้ำ จึงทำให้เห็นขุยสีขาวชัดเจนยิ่งขึ้น
 
 
 
การรักษาและป้องกัน
1. ในระยะแรกแพทย์จะให้ยาลดการอักเสบ เมื่อการอักเสบและขุยหายดีแล้ว แพทย์จะให้ยาช่วยกระตุ้นการสร้างสีผิวเพื่อให้สีผิวดูกลืนกัน
2. ใช้ครีมกันแดดและครีมบำรุงผิวเป็นประจำ
3. หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดจัด รวมทั้งการใช้สารที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือทำให้ผิวแห้ง
 
 
 
 
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้โดยตรงจาก
แพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญ
 
 
โทรนัดรับคำปรึกษาได้ที่สาขา
 
ราม2 เอ็ม.ดี สหคลินิก โทร. 0-2397-7045
สำโรงคลินิก โทร 0-2394-4907, 0-2384-0974
 
รักษาสิว ฝ้า กระ – โรคผิวหนังทุกชนิด - ฉีด BOTOX –  FILLER – จี้ไฝ ขี้แมลงวัน กระเนื้อ หูดด้วยเลเซอร์ CO2 – ทรีทเม้นท์หน้าใส ผิวขาวใส เรียบเนียน – ลดริ้วรอย – ลดความอ้วน – ฟื้นฟูสภาพเส้นผม ผมร่วง –ตรวจโรคทั่วไป - โรคภูมิแพ้ – รักษาโรคทางทันตกรรม จัดฟัน ฟอกฟันขาวด้วยระบบ Cold Light
 
ผิวอักเสบที่พบบ่อยบริเวณใบหน้า
ผื่นรังแคบนผิวหน้า (Seborrheic Dermatitis)
เกลื้อนน้ำนม (Pityriasis Alba)
 
   
   
  
 
ปรึกษาและตรวจสถาพผิวหนังฟรี
โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง