มนุษย์เรารู้จักและนำ AHA มาใช้บำรุงผิวพรรณมานานแล้ว แต่ยังมีข้อเสียที่ยังไม่สามารถแยกสารที่ไม่ต้องการเช่น ยางผลไม้ หรือสารที่ทำให้เกิดการแพ้ออกได้ ในปัจจุบันเราสามารถสกัดสารหลักในผลไม้ก็คือ AHA ให้มีความบริสุทธิ์มากขึ้น โดยแยกสารอื่นที่ไม่ต้องการออกและพบว่าสารสกัด AHA สามารถลดริ้วรอย จุดด่างดำ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ต่อมาก็มีผู้นำ BHA มาใช้และพบว่าสามารถช่วยผลัดเซลล์ผิวได้ดีกว่า AHA ทำให้ผิวนุ่มนวล ลดความหยาบกร้านได้เร็วขึ้น แต่ BHA ก็มีข้อจำกัดตรงที่ซึมซาบลงสู่ผิวชั้นในได้ไม่ดีเหมือน AHA จึงมีการวิจัยพัฒนารวม AHA และ BHA เข้าด้วยกันในสัดส่วนที่พอเหมาะเรียกว่า CHA (Combined Hydroxy Acid) ทำให้มีคุณสมบัติที่ดีของทั้ง AHA และ BHA โดยมีคุณสมบัติผลัดเซลล์ผิวได้ดี ลดความหยาบกร้านได้เร็วขึ้น และซึมซาบสู่ผิวได้ดี จึงมีผลในการกระตุ้นการสร้าง Collagen และ Elastin ในระยะยาว

 

- ช่วยลบริ้วรอยเหี่ยวย่น ความหมองคล้ำบนใบหน้า

- ทำให้ผิวหน้าดูสดใส เนียนนุ่ม สีผิวดูสม่ำเสมอ

- ทำให้จุดด่างดำ กระ ฝ้า จางลง

- ช่วยละลายสิวเสี้ยว สิวอุดตัน กระชับรูขุมขน ทำให้แผลเป็นดูดีขึ้น

 

ผลิตภัณฑ์ AHA และ CHA มีกี่ชนิด

มีอยู่ 2 ชนิด คือ

1. ชนิดความเข้มข้นต่ำ สำหรับนำไปใช้เองที่บ้าน โดยลูบไล้ทั่วใบหน้าในตอนเช้าและก่อนนอน สามารถใช้ควบคู่กับครีมกันแดด และครีมบำรุงผิวได้เป็นประจำ

2. ชนิดความเข้มข้นสูง หรือ Treatment จะใช้ที่คลินิกเท่านั้น โดยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้ปฏิบัติให้

 

แพทย์จะเป็นผู้ตรวจสภาพผิวก่อนว่าเหมาะสมที่จะทำ Treatment หรือไม่ โดยผู้ที่จะทำ Treatment ไม่ควรมีสิวอักเสบปริมาณมาก หรือมีผิวอักเสบอยู่ ถ้าผิวหน้ายังไม่พร้อม แพทย์จะเตรียมผิวก่อนระยะหนึ่งก่อน เพื่อการทำ Treatment จะได้ประสิทธิภาพสูงสุด และมีการระคายเคืองน้อยที่สุด

 

 

    

 

 

1. เจ้าหน้าที่จะทำความสะอาดใบหน้าของคุณด้วย Cleanser จากนั้นจะทาน้ำยา Treatment ทั่วใบหน้าแล้วทิ้งไว้นาน 1-10 นาที แล้วแต่สภาพผิว จนผิวเริ่มตอบสนองจึงล้างออก

2. เจ้าหน้าที่จะประคบความเย็นเพื่อกระชับผิว ลดการระคายเคือง และทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายอีกด้วย

3. ในกรณีของ CHA Treatment เจ้าหน้าที่จะจัดครีม After Treatment Lotion ให้ทาทั่วใบหน้า เพื่อปรับสภาพผิวให้อยู่ในสภาวะสมดุล และบำรุงผิวให้ชุ่มชื่น

 

การทำ Treatment จะทำซ้ำทุกสัปดาห์ประมาณ 4 ครั้ง หรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ ระหว่างนี้แพทย์จะจัดผลิตภัณฑ์ AHA หรือ CHA ความเข้มข้นต่ำ และครีมปรับสภาพผิวให้นำไปใช้ที่บ้านควบคู่กันไปเพื่อปรับสมดุลของผิว และให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด โดยสามารถใช้คู่กับครีมกันแดดและครีมบำรุงผิวได้เป็นประจำ

 

หลังทำ Treatment คุณจะสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงได้ โดยผิวของคุณจะค่อยๆเนียนนุ่มขึ้น ความหยาบกร้านของผิวลดลง ผิวหน้าจะดูสดใส สีผิวดูกลมกลืนสม่ำเสมอขึ้น ริ้วรอยเล็กๆจะค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ

 

เมื่อทำ Treatment ครบ 4 ครั้งแล้ว คุณควรจะทำ Treatment ต่อเป็นระยะๆ ประมาณ 2-4 สัปดาห์ต่อครั้ง ใช้เวลาใส่ใจผิวสักเล็กน้อย เพื่อให้ผิวคงสภาพที่ดีตลอดไป

 

 

 

ไอออนโต (Iontophoresis) คืออะไร

เป็นการใช้กระแสไฟฟ้าอ่อนๆ ผลักให้ยาซึมซาบสู่ผิวได้รวดเร็วและมากขึ้น ผลที่ได้รับจะขึ้นอยู่กับยาหรือสารที่นำมาใช้ ได้แก่

1. อนุพันธ์ของไวตามินซี (VC-PMG) ช่วยทำให้ผิวขาวขึ้น ลบรอยจุดด่างดำ กระ ฝ้า

2. อนุพันธ์ของไวตามินเอ (Tretinoin) ช่วยให้แผลเป็นดูเรียบขึ้น ลบริ้วรอย ละลายสิวเสี้ยน กระชับรูขุมขน

3. JA Powder (Tranxenamic acid) ช่วยลดการไหม้เกรียมจากแดด ช่วยเสริมในการรักษาฝ้า

 

ข้อดีของไอออนโต คือ ไม่ระคายเคือง จึงสามารถใช้ได้ในเกือบทุกสภาพผิว แม้แต่ผิวที่แพ้ง่าย

 

 

 

 

 

เจ้าหน้าที่จะทายาหรือสารที่ต้องการใช้บนผิวหน้า แล้วนำหัวกลิ้งของเครื่องไอออนโตมากลิ้งไปมาบนใบหน้าอย่างนุ่มนวล เพื่อผลักยาให้ซึมซาบลงสู่ผิว โดยใช้เวลาประมาณ 7-10 นาที หลังจากนั้นจะประคบความเย็นเพื่อกระชับผิวและช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย

 

การทำไอออนโตสามารถทำได้บ่อย 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ และสามารถทำร่วมกับการทำ Treatment ได้อีกด้วย ทั้งนี้ขึ้นกับสภาพผิวและการพิจารณาของแพทย์

 

 

 

ผลที่ได้จากการทำไอออนโตจะค่อยเป็นค่อยไป สภาพผิวคุณจะค่อยๆดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

 

โทรนัดรับคำปรึกษาได้ที่สาขา

 

ราม2 เอ็ม.ดี สหคลินิก โทร. 0-2397-7045

สำโรงคลินิก โทร 0-2394-4907, 0-2384-0974

AHA สกัดจากธรรมชาติเพื่อหน้าสดใส

CHA เคล็ดลับใหม่แห่งการลบริ้วรอย

ไอออนโต ปรับสภาพผิวหน้า

 

 

 

ปรึกษาและตรวจสถาพผิวหนังฟรี

โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง